โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากอะไร
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการศึกษาเชื่อว่า น่าจะมาจากหลายปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน ปัจจัยที่สำคัญได้แก่
- ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด ทั้งชนิดถ่ายทอดได้และไม่ถ่ายทอด ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมการแบ่งตัวหรือการตายของเซลล์ปกติ
- การมีติ่งเนื้อเมือก Polyp ในลำไส้ใหญ่
- การมีโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- ในคนที่เคยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มาแล้ว มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนอื่นๆที่เหลือ อยู่สูงกว่าคนทั่วไป
- การบริโภคอาหารไขมันสูงเป็นประจำต่อเนื่อง
- การบริโภคอาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำเป็นประจำ
4 สัญญาณรู้ทันมะเร็งลำไส้ใหญ่
สัญญาณที่ 1
มีอาการปวดท้องเป็นพักๆ ในลักษณะที่เป็นการปวดสลับกับหายปวดตามจังหวะของลำไส้ ที่มีการบีบตัวตามปกติ มีสาเหตุมาจากอุจจาระจะผ่านตำแหน่งของลำไส้ที่มีเนื้องอกได้ยากกว่าเดิม ทำให้มีอาการปวดเป็นพักๆ เมื่อก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น อุจจาระก็จะยิ่งผ่านบริเวณนั้นได้ลำบากมากขึ้น อาการปวดก็จะค่อยๆ รุนแรงและมีการปวดบ่อยขึ้น
สัญญาณที่ 2
มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย ซึ่งนอกจากอาการปวดที่ได้บอกไปแล้วนั้น การขับถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไปจากเดิมจะทำให้มีอาการท้องผูกต่อเนื่องหลายวัน สลับกับการถ่ายอุจจาระเหลวในลักษณะที่มีมูกปนมา โดยอาการเช่นนี้อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นอาการท้องเสียจากการติดเชื้อ แต่อาการที่ชี้ให้เห็นว่าเราอาจเป็นมะเร็งลำไส้นั้น ไม่ได้มีแค่อาการท้องเสียเพียงอย่างเดียว แต่ยังสลับกับอาการท้องผูก ถ่ายลำบาก เนื่องมาจากช่องว่างของลำไส้ใหญ่ที่แคบลงจากก้อนเนื้อที่เกิดขึ้น ส่วนการเกิดมูกก็เกิดขึ้นจากเซลล์มะเร็ง
สัญญาณที่ 3
มีอุจจาระเป็นมูกปนเลือด มีสาเหตุมาจากตัวเนื้องอกที่เกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่นอกจากจะมีลักษณะเป็นก้อนแล้ว มักจะมีแผลแตกที่บริเวณก้อนร่วมด้วย ทำให้มีเลือดออกปนมากับอุจจาระเป็นระยะ
สัญญาณที่ 4
มีขนาดของอุจจาระที่เล็กลง โดยเกิดจากการที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลง ฉะนั้น ก่อนกดชักโครก ให้หมั่นสังเกตลักษณะอุจจาระของตัวเองทุกครั้งว่ามีความผิดปกติหรือไม่
วิธีการรักษา
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในส่วนช่องท้อง ในระยะต้นๆของโรค การรักษาคือการผ่าตัดเพียงวิธีการเดียว แต่เมื่อโรคลุกลามเข้าเยื่อหุ้มภายนอกลำไส้ใหญ่และต่อมน้ำเหลือง ก็จะมีการรักษาต่อเนื่องด้วยเคมีบำบัด
วิธีการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัจจุบันมีวิธี ตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้พบโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ระยะเริ่มเป็น โดยองค์กรต่างๆด้านโรคมะเร็งให้คำแนะนำไว้ดังนี้
เมื่ออายุ 45 ปีควรไปพบแพทย์ด้านระบบทางเดินอาหาร เพื่อขอรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีหลายวิธีการ อาจเป็นการตรวจอุจจาระเพื่อตรวจดูการมีเลือดออกจากแผลมะเร็ง การตรวจลำไส้ใหญ่เอกซเรย์ด้วยการสวนแป้ง หรือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ ซึ่งเมื่อได้ผลตรวจแล้ว แพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าควรตรวจซ้ำอีกเมื่อไร
มะเร็งลำไส้ควรทานเซอร์นิติน :